วิธีป้องกัน ภัยที่เกิดจากแดดในหน้าร้อนที่คุณไม่ควรมองข้าม
เรารู้จัก ภัยแดด มากน้อยแค่ไหน : ดูเหมือนว่าแสงแดดที่ส่องโดนผิวหนังของเราในทุก ๆ วัน มีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่คิดโดยเฉพาะรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ตัวการหลักที่ทำให้ผิวหนังของเราเสื่อมสภาพ แถมยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็น
โรคมะเร็งผิวหนังอีกต่างหาก แต่หากมองกลับกันแสงแดดก็มีประโยชน์ไม่น้อย เพราะมอบวิตามินดีให้กับร่างกายของเราและมีส่วนช่วยในการรักษาโรคผิวหนังเรื้อรังอย่างโรคผิวหนังอักเสบได้ด้วย
ว่าแต่…ฉันควรโดดแสงแดดนานแค่ไหนนะ?
ความจริงแล้ว คงไม่มีใครบอกได้ ว่าควรออกมารับแสงแดดตอนไหนและใช้ระยะเวลานานเท่าไรถึงจะดีและไม่เพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง เพราะว่าแสงแดดในแต่ละช่วงของปีมักจะมีความเข้มข้นของรังสียูวีไม่เท่ากัน
ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการประเมินจากลักษณะผิวหนังของคุณเอง ถ้าคุณเป็นคนผิวสีเข้มมาตั้งแต่เกิดก็ต้องใช้เวลานานหน่อยกว่าที่จะได้รับวิตามินดีจากแสงแดด และคุณอาจต้องหากิจกรรมที่พบเจอแสงแดดในเวลาที่นานขึ้นนั่นเองต่อจากนี้ คือวิธีที่จะช่วยให้คุณได้วิตามินดีเพียงพอ และยังปลอดภัยจากการสัมผัสกับแดดไปพร้อม ๆ กัน:
เวลา 12.00 น. เป็นช่วงเวลาที่แสงแดดอุดมไปด้วยรังสี UVB มากที่สุด แต่คุณก็ไม่ควรอยู่กลางแจ้งนานเกินไป แม้ว่าร่างกายของเราจะสร้างวิตามินดีได้มีประสิทธิภาพที่สุดในช่วงนี้ ก็ควรอยู่ในระยะเวลาสั้น ๆ จะดีที่สุด)
ปัจจุบันยังไม่มีระยะเวลากำหนดที่แน่ชัดในการตากแดดเพื่อรับวิตามินดีให้ได้ตามที่ร่างกายต้องการ โดยมีงานวิจัยหลายชิ้นที่พูดไปในทางเดียวกันว่า ควรตากแดดราว ๆ 13-30 นาที เป็นเวลา 3-7 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งมีผลการศึกษาหนึ่งได้ระบุว่า คนผิวขาวใช้เวลาเพียง 3-8 นาที ในการรับแสงแดดเพื่อให้กระตุ้นผิวหนังสร้างวิตามินจำนวน 400 IUแต่หากเป็นคนผิวสีเข้มก็อาจใช้ระยะเวลาในการรับแสงแดดที่นานกว่า
ขอให้จำไว้ว่า ทุกครั้งที่คุณอยากได้วิตามินดีจากแสงแดด ห้ามทาครีมกันแดดหรือสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดผิวหนังบริเวณหน้า แขน มือ และขา เป็นระยะเวลาสักพักหนึ่ง
หมายเหตุ: คุณไม่จำเป็นต้องตากแดดนานเกินไป เพราะเพียงแค่คุณเดินกลางแดดในตอนเที่ยงสัก 10 นาที นั่นทำให้คุณได้รับวิตามินดีมากกว่า 15 เท่า ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันแล้ว
แต่ถึแพทย์เตือน ‘ไข้หวัดแดด’ ในเด็ก โรคเด็กหน้าร้อน ที่ผู้ปกครองควรระมัดระวัง
เด็กๆ ควรหลีกเลี่ยงเผชิญกับแสงแดดหรืออยู่ในสถานที่อากาศร้อนจัดกรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เผยในฤดูร้อน นอกจากแสงแดดที่แรงแล้ว ยังมีเชื้อโรคที่แพร่ระบาด และทำให้ลูกเจ็บป่วยได้มากกว่าในฤดูอื่น แนะผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานของท่านอย่างใกล้ชิดนายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นและอากาศร้อนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นช่วงที่เด็กๆ ปิดเทอม โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน ส่วนใหญ่ต่างพากันเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่พ้นจากการเจอแสงแดด อากาศร้อน และการรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้มากมาย ซึ่งเด็กๆมีภูมิต้านทานไม่มากนักจึงมักเจ็บป่วยได้ง่าย ผู้ปกครองจึงควรใส่ใจสุขภาพของบุตรหลาน หมั่นสังเกตอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น และหากพบความผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
ขณะที่ นายแพทย์อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคไข้แดด จาก ภัยแดด มีสาเหตุเกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ในช่วงหน้าร้อน ซึ่งอุณหภูมิภายนอกสูง อาการแสดงของโรค ถูกกระตุ้นจากอากาศที่ร้อน ร่วมกับการรับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เข้าสู่ร่างกาย อาจมีอาการไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ครั่นเนื้อครั่นตัว บางรายอาจมีตาแดง
วิธีการดูแลป้องกัน
1. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เด็กๆ ต้องนอนอย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง
2. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดต่อวันให้เพียงพอเพื่อลดการสูญเสียน้ำจากเหงื่อที่เสียไปในฤดูร้อน
3. หมั่นล้างมือบ่อยๆ หรือพกเจลล้างมือติดตัวเพื่อสะดวกในการล้างมือ
4. ออกกำลังกายเป็นประจำ
5. พยายามหลีกเลี่ยงไม่ไปใกล้ชิดปะปนกับคนที่เป็นหวัด ไอ น้ำมูก เพื่อลดโอกาสการรับเชื้อ
6. คุณพ่อคุณแม่หมั่นทำความสะอาดบ้าน ของเล่นที่ลูกใช้อยู่เป็นประจำเพื่อลดการสะสมเชื้อโรค
7. ไม่เข้าไปในสถานที่ที่มีคนอยู่แออัด ระบบการถ่ายเทอากาศไม่ดีเช่น ตลาดนัด โรงภาพยนตร์
8. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ให้แก่เด็ก โดยเริ่มฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 6 เดือนเป็นต้นไปและฉีดกระตุ้นซ้ำทุกปี
คำถามที่พบบ่อย (FAQ’s)
จริงไหมที่แสงแดดช่วยรักษาโรคผิวหนังอักเสบได้?
ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าแสงแดดจะช่วยรักษาโรคผิวหนังอักเสบได้ 100% แต่ความจริงที่ว่าร่างกายของเราผลิตวิตามินดีได้จากการกระตุ้นของรังสียูวีในแสงแดดนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะนั่นคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
วิตามินดีและผิวหนังสัมพันธ์กันยังไง?
ทันทีที่ผิวหนังของคุณได้รับรังสี UVB จากแสงแดด ก็จะก่อให้เกิดกระบวนการสร้างวิตามินดีจากโคเรสเตอรอลที่อยู่ในเซลล์ผิวหนังของคุณ ในขณะเดียวกัน วิตามินดียังช่วยเพิ่มจำนวนของสารที่เรียกว่า ‘แคธีลิซิดิน’ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบจะมีแคธีลิซิดินอยู่ในผิวหนังน้อยกว่าปกติ และมีแนวโน้มว่าอาจทำให้อาการของโรคผิวหนังอักเสบทวีความรุนแรงมากขึ้น
ถ้าเกิดผิวหนังดันอักเสบมากขึ้นหลังตากแดดล่ะ?
ข่าวดีคือมีคนจำนวนน้อยกว่า 5% เท่านั้นที่จะแสดงอาการของโรคผิวหนังอักเสบเมื่อถูกแสงแดด ซึ่งเหงื่ออาจเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ ดังนั้น เมื่อคุณรู้สึกว่าผิวหนังเริ่มแสบและมีอาการระคายเคือง (แม้จะโดนแสงแดดแค่นิดเดียวก็ตาม) แนะนำให้คุณรีบวิ่งเข้าที่ร่มและหาเสื้อผ้าที่มิดชิดมาคลุม พร้อมปิดท้ายด้วยการทาครีมกันแดดตามให้เร็วที่สุด
สรุป
หากคุณป่วยเป็นโรคผิวหนังอักเสบหรือโรคทางผิวหนังอื่น ๆ อย่างเช่น โรคสะเก็ดเงิน บางทีการออกไปเดินรับแสงแดดท่ามกลามธรรมชาติ ก็อาจช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับคุณได้ แต่ก็ต้องจำเอาไว้ว่าผิวหนังของแต่ละคน ย่อมมีการตอบสนองที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งคุณควรจะจดโน้ตเอาไว้ทุกครั้งที่ผิวหนังแสดงอาการ หรือลองจดตัวการต่าง ๆ ที่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยง เพื่อที่คุณจะได้หาสิ่งที่ใช้สำหรับป้องกันตัวเองไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
หากคุณมีคำถามมากมายที่คาใจ การเข้าไปปรึกษาแพทย์ก็จะช่วยให้คุณมั่นใจได้มากขึ้น ว่าอะไรคือตัวเลือกที่ดีที่สุดในการรักษาโรคผิวหนังอักเสบให้ทุเลาลง
อ้างอิง
https://www.prudential.co.th/corp/prudential-th/th/we-do-pulse/health-wellness/can-sunlight-help-my-eczema/https://mydeedees.com/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99-%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81-%e0%b8%a0/
|