เมนูหลัก
ระบบสมาชิก
Username :
Password :
[ สมัครสมาชิก ] | [ ลืมรหัสผ่าน ]
สมาชิกทั้งหมด 10 คน
สมาชิกที่กำลังออนไลน์ 0 คน
เว็บเกี่ยวข้อง

 


 

  

   เว็บบอร์ด >> >>
ภาวะหัวใจสลาย broken heart syndrome มีจริงหรือ?  VIEW : 188    
โดย หยาด

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 256
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 12
Exp : 95%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 180.180.232.xxx

 
เมื่อ : อังคาร ที่ 1 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2566 เวลา 17:45:45   

ภาวะหัวใจสลาย broken heart syndrome มีจริงหรือ?

ภาวะหัวใจสลาย (กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงเฉียบพลัน)

กลุ่มอาการกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงเฉียบพลัน สัมพันธ์กับภาวะเครียดอย่างรุนแรง บางครั้งเรียกว่า ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากความเครียด (Stress Cardiomyopathy)

ภาวะหัวใจสลาย คือกลุ่มอาการกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงเฉียบพลัน สัมพันธ์กับภาวะเครียดอย่างรุนแรง บางครั้งเรียกว่า ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากความเครียด (Stress Cardiomyopathy) หรือในทางการแพทย์รู้จักในชื่อ Takotsubo Cardiomyopathy โดย Takotsubo เป็นภาชนะที่ชาวญี่ปุ่นใช้จับปลาหมึก เนื่องจากเมื่อเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง (บางส่วน) เมื่อทำการตรวจสวนหัวใจและฉีดสารทึบแสง จะได้ภาพหัวใจที่โป่งคล้ายภาชนะดังกล่าว จึงใช้ชื่อนี้เรียกภาวะความผิดปกตินี้ตั้งแต่ปี 1990 (พ.ศ. 2533)

  • ภาวะหัวใจสลาย (Broken heart syndrome) คือ ภาวะที่ความสามารถในการบีบตัวของหัวใจลดลงอย่างเฉียบพลัน จนมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงอย่างกะทันหันคล้ายอาการของภาวะหัวใจขาดเลือด
  • ประมาณ 90% ของโรคหัวใจสลาย มักเกิดขึ้นกับผู้หญิง และ 80% เป็นผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
  • อาการของหัวใจสลาย สามารถแยกโรคออกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้ จากการฉีดสีดูหลอดเลือดหัวใจ (Coronary angiogram)

 

ภาวะหัวใจสลาย (Broken heart syndrome)

มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Stress-induced Cardiomyopathy, Takotsubo Cardiomyopathy หรือ Apical ballooning syndrome คือ ภาวะที่ความสามารถในบีบตัวของหัวใจลดลงอย่างเฉียบพลัน โดยสาเหตุของโรคยังเป็นที่ถกเถียงกัน แต่ทางการแพทย์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเกิดจากฮอร์โมน Catecholamine ที่สูงขึ้นเฉียบพลันจากความเศร้าเสียใจหรือความเครียดอย่างมาก เช่น ความสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักกระทันหันจากอุบัติเหตุ หรือเกิดจากการใช้ยาบางชนิด

โดยผู้ป่วยโรคนี้จะมีระดับฮอร์โมนความเครียดหลั่งออกมาสูงมากอย่างเฉียบพลัน (stress-induced catecholamine release) ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด

 

โรคหัวใจสลายมักเกิดกับใคร

จากการศึกษาพบว่า ประมาณ 90% ของผู้ป่วยเป็นผู้หญิง และ 80% เป็นผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน  ช่วงอายุที่พบบ่อย 58-77 ปี

อาการของหัวใจสลาย จะไม่สามารถแยกโรคออกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้ จนกว่าจะได้รับการฉีดสีดูหลอดเลือดหัวใจ (Coronary angiogram) ซึ่งในผู้ป่วยที่แพทย์สงสัยว่าเป็นกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันนั้น มีประมาณ 1% ที่เป็น Stress-induced Cardiomyopathy

 

สาเหตุ

สาเหตุของภาวะนี้ยังไม่ทราบชัดเจนแต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนต่างๆจากความเครียดรุนแรง เช่น อะดรีนาลีน เพิ่มความต้องการพลังงานและออกซิเจนสูงแต่การไหลเวียนเลือดมาไม่เพียงพอทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง โป่งพอง การสูบฉีดเลือดในร่างกายล้มเหลว ภาวะเครียด อาจเป็นภาวะเครียดทางร่างกาย เช่น เจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุรุนแรง หรือเป็นภาวะเครียดรุนแรงทางจิตใจ เช่น สูญเสียคนรักอย่างคาดไม่ถึง แม้จะเรียกชื่อเป็น Broken Heart Syndrome แต่พบภาวะนี้สัมพันธ์กับความเครียดจากร่างกายมากกว่าความเครียดทางจิตใจ พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย

 

อาการ

ผู้ป่วยมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ เนื่องจากมีภาวะหัวใจล้มเหลว เลือดไหลเวียนไม่พอ บวม นอนราบไม่ได้ ในกรณีที่รุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะหากมีความเจ็บป่วยร่างกายอื่นที่รุนแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

การวินิจฉัย

นอกจากประวัติและการตรวจร่างกายโดยละเอียดแล้วผู้ป่วยต้องได้รับการตรวจพิเศษทางหัวใจโดยเฉพาะคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) การตรวจเลือด การเอ็กซเรย์หัวใจและปอด คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram) อย่างไรก็ตามผู้ป่วยในภาวะหัวใจสลายมักมีความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ผลเลือดเอนไซม์กล้ามเนื้อหัวใจที่ผิดปกติคล้ายผู้ป่วยจากโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน (Heart attack) การวินิจฉัยแยกโรคมักต้องใช้การตรวจสวนหัวใจและฉีดสารทึบแสงดูเส้นเลือดหัวใจ ซึ่งในภาวะหัวใจสลายจะไม่พบเส้นเลือดหัวใจอุดตัน

 

การรักษา

เนื่องจากไม่ได้มีเส้นเลือดหัวใจอุดตันจึงไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการขยายเส้นเลือดหัวใจเหมือนกรณีโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน (Heart attack) การรักษาจึงเป็นการรักษาด้วยยา ประคับประคอง รักษาระดับความดัน ชีพจร ระดับออกซิเจนให้เหมาะสมเพียงพอและรักษาความผิดปกติทางร่างกายที่เป็นสาเหตุกระตุ้นภาวะเครียดรุนแรง ผู้ป่วยส่วนใหญ่กล้ามเนื้อหัวใจที่อ่อนแอ จะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นและกลับมาปกติได้ใน 4-8 สัปดาห์

แพทย์อาจสั่งให้ใช้ยาในการรักษาเพื่อลดความตึงเครียดในการทำงานของหัวใจและป้องกันการเกิดภาวะอื่นๆในอนาคต เช่น การใช้ยาลดความดันโลหิตสูง (ประเภท ACE) หรือ (ARBs) การใช้เบต้าบล็อกเกอร์ ยาขับปัสสาวะ หรือ ยาละลายลิ่มเลือดในกรณีที่พบว่าคนไข้มีลิ่มเลือดในหัวใจ

การรักษาด้วยการผ่าตัด

แนวทางการรักษาภาวะหัวใจวาย เช่น การทำบอลลูน หรือการสอดขดลวด จะไม่สามารถช่วยในการรักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงได้ เนื่องจากการรักษาประเภทดังกล่าว จะมุ่งเน้นไปที่การแก้อาการตีบของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งไม่ใช่สาเหตุของการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง

การเตรียมตัวก่อนการพบแพทย์

คนไข้ควรเข้ารับการรักษาในทันที หรือให้บุคคลใกล้ชิดพาไปห้องฉุกเฉินโดยด่วนหากพบว่าตนเองมีอาการเจ็บหน้าอกโดยไร้สาเหตุ และที่สำคัญในการพบแพทย์ควรพาบุคคลในครอบครัวมาด้วย

 

ข้อมูลที่ควรเตรียมก่อนพบแพทย์

  • อาการต่างๆที่มีในปัจจุบัน รวมถึงระยะเวลาที่มีอาการดังกล่าว
  • ข้อมูลส่วนตัว เช่น การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตหรือภาวะความเครียดในชีวิต เช่น การสูญเสียบุคคลที่รักหรือการตกงาน
  • ข้อมูลประวัติการรักษาของตนเองและบุคคลในครอบครัว ซึ่งจะรวมถึงประวัติการรักษาโรคอื่นๆด้วย เช่น โรคเบาหวาน คอเลสเตอรอลสูง หรือโรคหัวใจ
  • ยาที่คนไข้รับประทานในปัจจุบัน ทั้งยาโดยแพทย์สั่งและที่ซื้อตามร้านขายยาทั่วไป
  • อาการบาดเจ็บบริเวณหน้าอกในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายภายในร่างกาย เช่น กระดูกหักหรือเส้นประสาทถูกกดทับได้
  • แพทย์จะตรวจสอบอาการของคนไข้ตามผลจาก ECG และการตรวจเลือดเพื่อดูว่าอาการของคนไข้เกิดจากภาวะดังกล่าวหรืออาการหัวใจวาย

รายการคำถามที่อาจใช้ในการปรึกษาแพทย์ มีดังนี้

  • สาเหตุการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงมาจากอะไร
  • ในกรณีที่พึ่งผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตในห้วงที่ผ่านมา สอบถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุในการเกิดภาวะนี้หรือไม่
  • ควรตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีการใด
  • จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในหรือไม่
  • แนวทางที่ใช้ในการรักษา ต้องทำอย่างไร
  • ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงสามารถเกิดซ้ำได้หรือไม่
  • มีข้อห้ามหรือข้อละเว้นที่ควรปฏิบัติหรือไม่ เช่น การควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกาย

รายการคำถามที่แพทย์อาจสอบถามเพิ่มเติมในการรักษา

แพทย์อาจสอบถามข้อมูลคนไข้เพิ่มเติมดังนี้

คนไข้มีลักษณะอาการเป็นอย่างไรบ้าง

  • คนไข้เริ่มมีอาการตั้งแต่เมื่อไหร่
  • คนไข้มีอาการเจ็บปวดเพียงบริเวณเดียว หรืออาการเจ็บปวดแผ่กระจายไปยังส่วนอื่นๆของร่างกาย
  • คนไข้พบว่าอาการเจ็บที่เกิดขึ้น สอดคล้องกับจังหวะการเต้นของหัวใจหรือไม่
  • คนไข้สามารถอธิบายลักษณะอาการเจ็บปวดที่มีได้อย่างไร
  • การออกกำลังกายทำให้อาการทรุดลงหรือไม่
  • คนไข้มีบุคคลในครอบครัวที่มีประวัติป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือไม่
  • ในปัจจุบันคนไข้เข้ารับการรักษาโรคอะไรอยู่บ้าง หรือประวัติการรักษาในอดีตมีอะไรบ้าง

สรุป

วาเลนไทน์เมื่อไหร่ เรามักเห็นใครต่อใครเดินจูงมือกันออกไปฉลองความรัก แต่ส่วนหนึ่งก็ผิดหวังจากความรัก

เชื่อหรือไม่ว่า? ความโศกเศร้าเสียใจหรือความเครียดอย่างมาก สามารถทำให้ “ใจสลาย” ได้จริงๆ

แหล่งที่มา

https://www.medparkhospital.com

https://www.samitivejhospitals.com

https://mydeedees.com/%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b9%83%e0%b8%88%e0%b8%aa%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2-broken-heart-syndrome-%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%87/





Based on : Maxsite1.10 Modified to ATOMYMAXSITE 2.5
video puisituhan.com
tutorial puisituhan.com
Based on : Maxsite1.10 Modified to ATOMYMAXSITE 2.5