4 เรื่องน่ารู้ ของหนู หนูตัวจิ๋ว

หลายคนที่เริ่มเลี้ยงสัตว์ตัวจิ๋วน่ารักอย่างสัตว์ตระกูลหนู หรือหนูแฮมสเตอร์ หนูตะเภา คงรู้กันดีอยู่แล้วว่าหนูเหล่านี้เป็นสัตว์ที่ต้องดูแล เอาใจใส่อย่างมาก และมีความเป็นส่วนตัวที่ค่อนข้างสูงจึงทำให้การเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์เป็นเรื่องที่หลายคนต่างบอกว่า การเลี้ยงสัตว์พิเศษเหล่านี้ค่อนข้างแตกต่างออกไปจากการเลี้ยงหมา และแมว อีกทั้งพฤติกรรมการแสดงออก หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตของน้องเองก็ยังมีความแปลกประหลาดและวันนี้เอง Petsayhi จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับพฤติกรรมเหล่านี้กันดูครับว่า พฤติกรรมหรือเรื่องที่ผู้เลี้ยงยังไม่รู้ มีอะไรบ้างเพื่อเป็นการเตรียมตัวที่ดีก่อนการเลี้ยงกับ 4 เรื่องน่ารู้ ของหนู หนูตัวจิ๋ว

1. ถึงจะเป็นหนูเหมือนกันแต่ฟันของน้องโตไม่เหมือนกัน

สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องรู้ก่อนเลี้ยงคือเรื่องของฟังน้อง เพราะน้องจะมีฟันที่เรียกได้ว่าเป็นเสมือนสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต เพราะน้องเป็นสัตว์ฟันแทะ สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องทำความเข้าใจอย่างแรกสุดจึงเป็นเรื่องของฟัน เพราะฟันของน้องจะยาวขึ้นตลอดชีวิต ไม่มีการหยุด ไม่ว่าจะเป็นหนูสายพันธุ์ไหนๆ ก็แล้วแต่ แต่สายพันธุ์หนูแต่ละชนิดก็จะมีลักษณะการโตของฟันไม่เหมือนกัน ที่สำคัญ ฟันเหล่านี้เองก็เป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงจะต้องหมั่นตรวจเช็กอยู่เสมอ เพราะหนูเหล่านี้มักจะมีโรคที่เกิดกับฟันอยู่เป็นประจำ อย่างฟันผุ ช่องแผลในปาก สาเหตุหลักๆ ก็มาจากพฤติกรรมการกิน และอาหารที่น้องได้กินเข้าไป จะทำให้น้องๆ อาจเกิดแผลได้ และส่งผลต่อการกินได้นั่นเอง ฉะนั้นเลี้ยงจึงต้องหมั่นตรวจดูแลอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ช่องปากของน้องๆ เกิดรอยแผลนั่นเอง

2. รู้หรือไม่วิตามินซีต้องให้กับหนูแกสบี้ทุกวัน

หัวข้อนี้จะเป็นเรื่องของหนูแกสบี้เป็นหลัก ซึ่งหนูแกสบี้ก็เป็นหนูอีกชนิดหนึ่งที่ใครหลายคนนิยมเลี้ยงกัน เพราะด้วยขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่ และมีขนหนาบริเวณรอบตัว ทำให้หนูชนิดนี้ถูกเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายรองลงมาจากหนูแฮมสเตอร์ หนูแกสบี้เป็นหนูที่หากใครเลี้ยงจะต้องทราบข้อมูลของน้องให้ดี อย่างเรื่องของภูมิคุ้มกันในตัวน้องที่บอกเลยว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใคร ๆ จะเข้าใจ แต่สิ่งนั้นก็ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากสำหรับหนูแกสบี้อย่างวิตามินซี จริงๆ แล้ววิตามินซีไม่ได้แค่สำคัญกับเฉพาะหนูแกสบี้เท่านั้น แต่วิตามินซียังสำคัญกับสัตว์ทุกชนิด แต่เหตุที่ผู้เลี้ยงอย่างเราต้องรู้เรื่องนี้เพราะหนูแกสบี้นั้นไม่สามารถผลิตวิตามินซีได้เอง ผู้เลี้ยงจึงต้องให้หนูแกสบี้ได้รับวิตามินซีอย่างน้อย 15 – 25 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งหลักๆ จะมาจากอาหาร ผู้เลี้ยงจึงต้องเลือกอาหารให้เหมาะสมกับหนูแกสบี้นั่นเอง

3. หนูชินชิล่าที่ว่าน่ารัก ไม่ชอบอาบน้ำนะรู้ไหม?

ถึงแม้ว่าสัตว์เลี้ยงอย่างหนูชินชิล่า ที่มีขนปกคลุมอยู่ทั่วตัว ดูแล้วน่าจะร้อนเมื่ออยู่ในเมืองไทย หลายบ้านที่เห็นและไม่มีความรู้จึงคันไม้คันมืออยากพาน้องไปอาบน้ำเย็น ๆ ให้สบายตัว แต่หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะครับ! เพราะผิวหนังของหนูชินชิล่าเป็นผิวหนังที่มีความชื้นอยู่แล้ว ที่สำคัญผิวหนังของน้องแห้งยากมาก หากอาบน้ำให้น้องสิ่งที่ผู้เลี้ยงอาจจะต้องเจอคือการเกิดโรคทางผิวหนัง ซึ่งโรคนี้บอกเลยครับว่าเกิดแล้วรักษาไม่หายง่าย ๆ เหมือนโรคทั่ว ๆ ไป ด้วยเหตุนี้เองผู้เลี้ยงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่ายังไงก็ห้ามอาบน้ำให้กับชินชิล่าเด็ดขาด แต่หากจะทำความสะอาดน้องจริง ๆ น้องจะมีนิสัยชอบอาบทราย เพราะการอาบทรายเป็นเรื่องของการขัดผิวจากสิ่งสกปรก โดยไม่ใช้ของเหลว ซึ่งตามธรรมชาติของชินชิล่าแล้วก่อนที่จะมาถูกเลี้ยงก็ทำความสะอาดร่างกายด้วยทรายละเอียด แต่ไม่ใช่ว่าผู้เลี้ยงจะนำทรายจากไหนก็ได้มาให้น้องอาบนะครับ เพราะน้องจะต้องอาบทราบเฉพาะเท่านั้น หรือทรายที่ขายตามร้ายของอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง นั่นเพราะทรายเหล่านี้จะช่วยในการดูแลสภาพผิว และที่สำคัญไม่มีเชื้อโรค

4. เคยได้ยินคำนี้ไหม “แมวไม่อยู่หนูร่าเริง”

“แมวไม่อยู่หนูร่าเริง” เป็นสำนวนเปรียบเทียบเด็กที่ไม่มีคนคอยอยู่ดูแล หรือนักเรียนที่ไม่มีครูอยู่ในการควบคุม มักจะดีใจเหมือนหนูที่ไม่ต้องหลบซ่อนแมว แน่นอนครับว่าสำนวน “แมวไม่อยู่หนูร่าเริง” ไม่ได้ผิดไปจากความเป็นจริงเลย เพราะหนูเป็นสัตว์ที่ถูกล่ามาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว ส่วนแมวก็เป็นสัตว์นักล่า สู้รบกันมาตั้งแต่สมัยอยู่บนเรือจนขึ้นบนบก แต่ปัจจุบันเราจะเห็นว่ามีบางบ้านเลี้ยงหนูกับแมวไว้ในบ้านเดียวกัน หากถามว่าทำได้ไหม ก็บอกเลยครับว่าสามารถทำได้ แต่ที่สำคัญ คุณจะต้องจัดแบ่งโซนต่างๆ ให้ดี ทางที่ดีควรแบ่งพื้นที่สัตว์ทั้งสองออกจากกัน เพราะยังไงต่อให้แมวไม่เข้ามาใกล้ หนูของเราก็อาจเกิดความเครียดได้อยู่ดี

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ 4 เรื่องน่ารู้ ของหนู หนูตัวจิ๋ว ที่ทาง Petsayhi ได้นำมาฝากทุกท่านกันในวันนี้ บอกเลยครับว่าถึงจะเป็นเพียงเกล็ดเล็กๆ น้อยๆ แต่เชื่อเถอะความว่า 4 เรื่องนี้มีหลายคนที่ยังไม่รู้ ซึ่งความไม่รู้ของผู้เลี้ยงก็มักจะส่งผลเสียต่อสัตว์เลี้ยงอย่างมาก เพราะสัตว์เลี้ยงสื่อสารไม่ได้ มีอะไรมาให้ น้องๆ ก็รับหมด ฉะนั้นก่อนเลี้ยงสัตว์ชนิดใด ผู้เลี้ยงก็ควรใส่ใจ และให้ความสำคัญกับน้องมากๆ นะ

ขอบคุณรูปภาพจาก : petsayhai.com
ขอบคุณแหล่งที่มา : petsayhai.com

ติดตามข่าวสาร ได้ที่  : mydeedees.com