หลายคนคงจะเคยเห็นข่าวตามสื่อต่าง ๆ กันมาบ้างแล้ว ที่มีเด็กสาวป่วยด้วยโรคสมองอักเสบแล้วกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุมาจากพยาธิในส้มตำปูปลาร้านั้น ซึ่งการเกิดพยาธินั้นมีสาเหตุมาจากอาหารการกินที่ไม่ถูกหลักอนามัย ทานอาหารที่ไม่สะอาด และโดยส่วนมากคนที่เป็นพยาธิจะชอบทานอาหารแบบดิบ ๆ โดยเฉพาะเมนูซอยจุ๊ ที่เป็นเมนูยอดฮิตอยู่ในขณะนี้

“การกิน” เป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับการเกิดโรคพยาธิ เนื่องจากพยาธิบางชนิดอาศัยในเนื้อสัตว์ที่เรานำมาปรุงอาหาร พยาธิบางชนิดอาจปนเปื้อนมากับอาหารหรือน้ำดื่มที่เราบริโภคในทุก ๆวัน ดังนั้นการกินอาหารและดื่มน้ำที่สะอาดและถูกหลักอนามัย จะสามารถป้องกันการเกิดโรคจากพยาธิได้ ซึ่งตัวอย่างพฤติกรรมการกินที่ก่อให้เกิดพยาธิชนิดต่างๆ ในคนมีดังนี้

1.กินอาหารจากปลาน้ำจืดโดยไม่ได้ทำให้สุก : พยาธิใบไม้ตับ
พยาธิใบไม้ตับ เป็นพยาธิชนิดหนึ่งที่พบมากในประเทศไทย โดยเฉพาะทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โรคพยาธิใบไม้ตับมีสาเหตุจากการกินอาหารที่ทำจากปลาน้ำจืดที่มีเกล็ด โดยไม่ได้ทำให้สุกเสียก่อน อาหารเหล่านั้น ได้แก่ ก้อยปลา ลาบปลา ส้มปลา ปลาร้าดิบ เป็นต้น
ผู้ที่เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับจะมีอาการจุกแน่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง เบื่ออาหาร ผอมลง ต่อมาจะมีอาการเหลือง ตับโต พยาธิตัวเต็มวัยที่อาศัยที่ท่อน้ำดีในตับ ทำให้ท่อน้ำดีอักเสบ เป็นมะเร็งของท่อน้ำดี และอาจเสียชีวิตได้

2. กินผักผลไม้ที่ล้างไม่สะอาด : พยาธิไส้เดือน
โรคพยาธิไส้เดือน เกิดจากการกินผักผลไม้ที่ล้างไม่สะอาดหรือกินอาหารที่มีไข่พยาธิปนเปื้อน เด็กที่ชอบเล่นกับพื้นดินและหยิบของที่ตกบนพื้นดินเข้าปาก หรือไม่ล้างมือก่อนกินหรือปรุงอาหาร ทำให้ไข่พยาธิเข้าสู่ร่างกายได้ ตัวอ่อนของพยาธิจะออกจากไข่ที่ลำไส้เล็กแล้วไชเข้าสู่กระแสเลือด ผ่านตับ หัวใจ ปอด หลอดลม แล้วจะไปเจริญเป็นตัวเต็มวัยอาศัยในลำไส้เล็กและแย่งอาหาร ทำให้เกิดอาการปวดท้องบ่อยๆ คลื่นไส้ อาเจียน เป็นลมพิษ ร่างกายซูบผอม พุงโร เด็กที่เป็นโรคนี้จะเจริญเติบโตช้า และเบื่อหน่ายการเรียน

3. กินอาหารที่ไม่สะอาด : พยาธิแส้ม้า
คนที่เป็นโรคพยาธิแส้ม้า โดยการกินอาหารที่ไม่สะอาด มีแมลงวันตอม หรือรับประทานผักดิบหรือผลไม้ที่ล้างไม่สะอาด เด็กที่หยิบของที่ตกบนพื้นดินเข้าปาก ทำให้ไข่พยาธิเข้าสู่ร่างกายได้ ผู้เป็นโรคพยาธิแส้ม้าจะมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเดิน อุจจาระเป็นมูกเลือด อันตรายที่เกิดจากพยาธิแส้ม้า ทำให้เกิดลำไส้อักเสบเป็นแผล อาจทำให้ไส้ติ่งอักเสบหรือทำให้ลำไส้ส่วนปลายโผล่ออกมาทางทวารหนัก

4. กินเนื้อหมู วัว ควาย ที่มีเม็ดสาคู : พยาธิตัวตืด
โรคพยาธิตัวตืด ติดต่อโดยการกินเนื้อหมู วัว ควาย ที่มีเม็ดสาคู ซึ่งเป็นตัวอ่อนของพยาธิตัวตืด โดยไม่ปรุงอาหารให้สุกดีก่อน หรือปรุงสุกๆ ดิบๆ เช่น ก้อย ลาบ ลู่ ยำ พล่า แหนม ทำให้เกิดอาการท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระบ่อย หรือน้ำหนักลดได้ นอกจากนี้การกินผักสดที่ล้างไม่สะอาดและมีไข่พยาธิตืดหมูปนเปื้อนเช่นกัน ตัวอ่อนของพยาธิที่ฟักออกจากไข่จะเป็นซีสต์เข้าไปอยู่ตามกล้ามเนื้อ ผิวหนัง ตา และสมอง ซึ่งอันตรายที่เกิดจากพยาธิตัวตืดระยะตัวเต็มวัย ได้แก่ การขาดสารอาหารเนื่องจากพยาธิแย่งอาหาร เกิดลำไส้อุดตัน พยาธิไชทะลุลำไส้ทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ถ้ามีตัวอ่อนของพยาธิตัวตืดหมูอยู่ในกล้ามเนื้อ จะทำให้ปวดเมื่อย พยาธิตัวอ่อนที่เข้าไปในตาหรือสมอง ทำให้ตาบอด หรือเกิดอาการทางสมอง เช่น ปวดศีรษะ ชัก เป็นอัมพาต และเสียชีวิตได้

5. กินเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก : พยาธิตัวจี๊ด
โรคพยาธิตัวจี๊ดติดต่อโดยการกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก เช่น ปลา ไก่ กบ เป็นต้น ตัวอ่อนของพยาธิที่อยู่ในเนื้อสัตว์เหล่านี้จะไชผ่านกระเพาะอาหารเข้าสู่กระแสเลือดไปยังตับและไปสู่อวัยวะหรือเนื้อเยื่ออื่นๆ ของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ ผิวหนัง ปอด ตา สมอง เป็นต้น
อันตรายที่เกิดจากพยาธิตัวจี๊ด เกิดจากการเคลื่อนย้ายของพยาธิตัวจี๊ดในร่างกาย ทำให้เกิดการอักเสบ บวมและปวด หรือมีเลือดออกของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อที่พยาธิเคลื่อนที่ไป พยาธิที่เคลื่อนย้ายไปตามผิวหนัง ทำให้เกิดอาการบวมเคลื่อนที่ พยาธิอาจไชเข้าตาทำให้ตาบอด หรือไชเข้าสมองทำให้สมองอักเสบและเลือดออกในสมอง เป็นอัมพาต และเสียชีวิตได้ การป้องกันโรคพยาธิตัวจี๊ด โดยการรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกแล้ว

https://doodido.com