เมนูหลัก
ระบบสมาชิก
Username :
Password :
[ สมัครสมาชิก ] | [ ลืมรหัสผ่าน ]
สมาชิกทั้งหมด 12 คน
สมาชิกที่กำลังออนไลน์ 0 คน
เว็บเกี่ยวข้อง

 


 

  

   เว็บบอร์ด >> การจัดการเรียนการสอน >>
แนะนำ!! 9 วิธีแก้อาการปวดหัวด้วยตัวเองแบบง่ายๆ  VIEW : 475    
โดย ตะวัน

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 492
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 17
Exp : 98%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 223.24.156.xxx

 
เมื่อ : อังคาร ที่ 16 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2566 เวลา 17:06:21   

อาการปวดหัวเป็นอาการที่หลายคนมักจะเจอเป็นประจำ ด้วยสถาวะความเครียดจากการทำงานหรือการเรียน รวมถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอก็ส่งผลทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ หลายคนก็เลือกที่จะรับประทานยาพารา เพราะคิดว่าจะช่วยให้อาการปวดหัวบรรเทาขึ้นได้ แต่จะให้กินยาพาราทุกครั้งที่ปวดหัวก็เกรงว่าจะส่งผลเสียต่อร่างกาย ดังนั้นเราจึงมีวิธีแก้ปวดหัวด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ มาฝากค่ะ

อาการปวดหัวเป็นอาการที่พบได้บ่อย โดยแต่ละคนอาจมีลักษณะอาการและความรุนแรงของอาการปวดหัวต่างกัน ตามปกติแล้วอาการปวดหัวในชีวิตประจำวันมักไม่ได้เกิดจากโรคร้ายแรง ส่วนมากจะเกิดจากความเครียดจากการเรียนหรือการทำงาน การพักผ่อนไม่เพียงพอ และการที่ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งสามารถหายได้ด้วยการดูแลตัวเอง ในบทความนี้ พบแพทย์ได้รวบรวมวิธีแก้ปวดหัวง่าย ๆ ที่ทำได้ที่บ้านมาฝากกัน หากมีอาการปวดหัว ลองทำตามวิธีแก้ปวดหัวเหล่านี้ จะช่วยให้อาการปวดหัวของคุณดีขึ้นได้ง่าย ๆ

1. พักผ่อนให้เพียงพอ
อาการปวดหัวอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายต้องการการพักผ่อน เมื่อมีอาการปวดหัวอาจลองหยุดทำงานและพักสายตาหรืองีบสัก 10 นาที เพราะการทำงานต่อทั้งที่มีอาการปวดหัวจะยิ่งทำให้ปวดหัวมากขึ้น

และบางครั้งอาการปวดหัวอาจเกิดจากการนอนไม่พอหรือความผิดปกติด้านการนอน เช่น นอนไม่หลับ หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับซึ่งอาจทำให้ปวดหัวเรื้อรัง

เพื่อการนอนที่มีคุณภาพ ควรเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา ซึ่งระยะเวลาการนอนที่เหมาะสมของผู้ใหญ่โดยทั่วไปคือวันละ 7–9 ชั่วโมง เพราะหากนอนมากไปก็อาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวได้เช่นกัน และก่อนเข้านอนควรทำกิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย เช่น อาบน้ำอุ่น และอ่านหนังสือ หลีกเลี่ยงการดูโทรทัศน์ เล่นอินเทอร์เน็ต และดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ ซึ่งจะทำให้นอนหลับยาก

2. จิบชาอุ่น ๆ และดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มชาสมุนไพรอุ่น ๆ เช่น ชาขิง ชาคาโมมายล์ (Chamomile Tea) และชาเปปเปอร์มินต์ (Peppermint Tea) ที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดหัวก็เป็นวิธีแก้ปวดหัวที่แนะนำเช่นกัน แต่ผู้มีโรคประจำตัวหรือใช้ยารักษาโรคใด ๆ อยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่มชาสมุนไพร เพราะสมุนไพรเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อโรคที่เป็นอยู่และประสิทธิภาพของยาได้

นอกจากนี้ การดื่มน้ำเปล่าอย่างเพียงพอในแต่ละวันจะช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำที่อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดหัวได้ โดยทางกระทรวงสาธาณสุขแนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 8–10 แก้ว ทั้งนี้ ปริมาณการดื่มน้ำของแต่ละคนจะแตกต่างกันตามเพศ ช่วงวัย และกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน และควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะอาจไปกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวมากขึ้น

3. ประคบเย็น
วิธีแก้ปวดหัวอีกวิธีคือการประคบเย็น โดยให้ใช้ผ้าชุบน้ำเย็น เจลเย็นสำเร็จรูป หรือน้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ ห่อด้วยผ้าสะอาดแล้วนำมาประคบบริเวณที่รู้สึกปวด เช่น หน้าผาก ขมับ รอบดวงตา และท้ายทอย ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบ ชะลอการทำงานของเส้นประสาท และทำให้หลอดเลือดหดตัว จึงช่วยให้อาการปวดหัวดีขึ้นได้

4. อโรมาเธอราพี (Aromatherapy)
อโรมาเธอราพีเป็นการนำน้ำมันหอมระเหยมาใช้ในการบำบัดและรักษาโรค โดยน้ำมันหอมระเหยบางชนิดนั้นมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดหัว เช่น น้ำมันลาเวนเดอร์และน้ำมันเปปเปอร์มินต์ โดยสามารถสูดดม สเปรย์ลงบนหมอน หยดลงในอ่างอาบน้ำ และนวดบริเวณศีรษะ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม น้ำมันหอมระเหยบางชนิดมีความเข้มข้นสูง การสูดดมหรือทาลงบนผิวหนังโดยตรงอาจทำให้แสบจมูกระคายเคืองผิวและเกิดอาการแพ้ได้ จึงต้องเจือจางกับน้ำมันชนิดอื่นก่อนใช้ เช่น โจโจบาออยล์

5. ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย
การทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปวดหัวที่ได้ผล เช่น เล่นโยคะ ฝึกการหายใจ นั่งสมาธิ ชมภาพยนตร์ เล่นเกมเพื่อผ่อนคลาย รวมถึงฟังเพลง อย่างไรก็ตาม เพลงที่เลือกฟังเพื่อผ่อนคลายควรเป็นเพลงที่มีจังหวะช้า ๆ ฟังสบาย ไม่ควรเลือกเพลงที่มีจังหวะรุนแรง เพราะในบางคนอาจทำให้เกิดความรู้สึกตึงเครียดมากขึ้นได้

6. ฝังเข็ม
การฝังเข็มเป็นการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกที่เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของพลังงานในร่างกาย และช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ อย่างไรก็ตาม ผู้มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับการฝังเข็ม และควรเลือกฝังเข็มกับแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตฝังเข็มอย่างถูกต้อง

7. ปรับการรับประทานอาหาร
บางครั้งอาการปวดหัวอาจเกิดจากการไม่ได้รับประทานอาหาร ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง จึงควรแบ่งรับประทานอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ ตลอดทั้งวันแทนการรับประทานอาหารมื้อหลักในปริมาณมาก ซึ่งช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่มากขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่มีแมกนีเซียมสูงเช่น เมล็ดฟักทอง เมล็ดเชีย อัลมอนด์ ผักโขม และถั่วดำ ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้

นอกจากนี้ อาหารบางอย่างที่เรารับประทานอาจมีสารกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัว เช่น ผงชูรสในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ชา กาแฟและช็อคโกแลตที่มีคาเฟอีน เนื้อสัตว์แปรรูป อย่างเบคอนและไส้กรอกที่มีสารไนเตรทสูง และเนื้อสัตว์รมควันและชีสบ่มที่มีสารไทรามีน (Tyramine) ผู้มีอาการปวดหัวบ่อยจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเหล่านี้

8. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นอาการปวดหัว
การอยู่ในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เสียงดัง มีกลิ่นฉุนหรือกลิ่นเหม็น และที่กลางแจ้งที่มีแสงแดดจัด อาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวได้มากขึ้น โดยอาการปวดหัวของแต่ละคนอาจเกิดขึ้นในสถานการณ์ต่างกัน จึงควรสังเกตปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวและหลีกเลี่ยงสถานที่นั้นก็อาจช่วยให้อาการปวดหัวดีขึ้นได้

9. รับประทานยาแก้ปวดหัว
หากลองใช้วิธีอื่น ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้วยังไม่ได้ผล อาจเลือกใช้วิธีแก้ปวดหัวด้วยการรับประทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้เอง เช่น ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) เป็นวิธีแก้ปวดหัวที่หลายคนคุ้นเคยกันดี ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดหัวที่ไม่รุนแรงมากให้ดีขึ้น ผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัมขึ้นไปให้รับประทานครั้งละ 500–1,000 มิลลิกรัม ทุก 4–6 ชั่วโมง และรับประทานไม่เกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน

https://doodido.com





Based on : Maxsite1.10 Modified to ATOMYMAXSITE 2.5
video puisituhan.com
tutorial puisituhan.com
Based on : Maxsite1.10 Modified to ATOMYMAXSITE 2.5