เมนูกาแฟ มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ และยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองอีกด้วย
เมนูกาแฟ เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มยอดฮิตที่ได้รับความนิยมสุดๆ ยิ่งสำหรับคนทำงานถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มกระชากวิญญาณกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะง่วงแค่ไหนขอแค่ได้ดื่มกาแฟสักแก้วก็เพียงพอแล้ว เพราะเครื่องดื่มประเภทนี้นอกจากจะมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังคงมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองอีกด้วย ทำให้การดื่มกาแฟเป็นเหมือนกับการปลุกตัวเองให้พร้อมสำหรับเช้าวันใหม่ ประโยชน์ของ เมนูกาแฟ ไม่ได้มีเพียงแค่ “ เครื่องดื่มแก้ง่วง ” เท่านั้น เพราะถ้าหากเราดื่มในปริมาณที่เพียงพอมันยังส่งผลต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย
เมล็ด กาแฟมีกี่ชนิด ?
ก่อนที่จะไปพูดถึงประโยชน์และโทษเรามาทำความรู้จักกันก่อนค่ะว่า ก่อนที่จะกลายมาเป็นเครื่องดื่ม กาแฟ ที่เรานิยมดื่มกันในทุกๆ เช้า มันมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง ความจริงแล้ว กาแฟแต่ละชนิด ในโลกมีหลายสายพันธุ์มากๆ แต่ที่ผู้คนนิยมและเป็นที่รู้จักจะมีอยู่ 4 สายพันธุ์คือ
- กาแฟอราบิก้า (Arabica)
สายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากที่สุดในโลก มีปริมาณการผลิตมากถึง 80% ในตลาดกาแฟโลก แต่การที่จะได้เป็น กาแฟ ที่มีคุณภาพจะมีจำนวนเพียง 1 ใน 8 เท่านั้น เป็นสายพันธุ์ที่มีคุณภาพในด้านการผลิตและรวมไปถึงเรื่องของรสชาติ จึงทำให้ กาแฟ อราบิก้าได้รับความนิยมสุดๆ
- กาแฟโรบัสต้า (Robusta)
โรบัสต้าเป็น กาแฟ สายพันธุ์ที่ต้องใช้ความชื้นสูง แต่ข้อดีคือปลูกง่ายและให้ปริมาณมาก นิยมปลูกกันมากในทวีปแอฟริกาและเอเชีย ในประเทศไทยก็จะนิยมปลูกในโซนภาคใต้เป็นหลัก เรื่องของรสชาติจะมีรสชาติที่ค่อนข้างฝาด กลิ่นไม่ค่อยหอมหวานมากนัก แต่จะมีปริมาณคาเฟอีนที่สูง
- กาแฟเอ็กซ์เซลซ่า (Excelsa)
เอ็กซ์เซลล่าเป็น กาแฟ เป็นกาแฟที่โดดเด่นในเรื่องรสชาติที่ขมพร่า จนทำให้แฟนคลับที่หลงไหลความเข้มข้นของ กาแฟ หลงรัก ซึ่งสายพันธุ์มีข้อดีคือปลูกค่อนข้างง่าย ดูแลง่าย แถมให้ผลผลิตสูง อีกทั้งยังมีรสชาติกลมกล่อม และมีกลิ่นที่หอมมันคล้ายกับอราบิก้าอีกด้วย
- กาแฟลิเบอริก้า (Liberica)
ลิเบอริก้าจะมีรสเปรี้ยวอมหวาน กาแฟ ชนิดนี้จะนิยมเอาเป็นเป็นส่วนเสริมรสชาติให้กับ กาแฟ ชนิดอื่นๆ มากว่า การปลูกการดูแลจะชื่นชอบอากาศร้อนชื้น สามารถทนทานต่อโรคได้ดี
ประโยชน์และโทษของการดื่ม “ กาแฟ ”
กาแฟ สรรพคุณ จะมีทั้งทางด้านดีและด้านไม่ดี เพราะการดื่มคาเฟอีนที่มีปริมาณมากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นเดียวกัน โดยข้อดีและข้อเสียของการดื่ม กาแฟ จะมีดังนี้
1.ตื่นตัว
กาแฟมีคาเฟอีนซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่ง กาแฟ สรรพคุณ มีส่วนช่วยในการขจัดความเหนื่อยล้า ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและตื่นตัว ทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะใช้กาแฟเพื่อเป็นตัวช่วยในทุกๆ เช้านั่นเอง
2.มีส่วนช่วยในการดูแลสมอง
มีผลงานวิจัยได้สรุปว่า การดื่มกาแฟมีส่วนช่วยในการป้องกันความผิดปกติของสมองและระบบประสาท รวมถึงโรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสันอีกด้วย
3.มีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
มีผลงานวิจัยที่พบว่ากาแฟสามารถเปลี่ยนแปลงการสะสมของไขมัน และยังช่วยส่งเสริมการทำงานของลำไส้อีกด้วย ซึ่งทั้งสองส่วนนี้มีผลต่อการควบคุมน้ำหนักและการเผาผลาญ เราจะเห็นได้บ่อยๆ ว่าคนที่ควบคุมน้ำหนักส่วนมากจะเลือกดื่มกาแฟดำนั่นเอง
4.ลดการซึมเศร้า
การดื่มกาแฟ 1 แก้วต่อวัน ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดภาวะซึมเศร้ามากถึง 8%
5.มีผลดีต่อหัวใจ
การดื่มกาแฟมีช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ นอกจากนั้นยังทำให้ความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวลดลงอีกด้วย
การดื่มกาแฟในปริมาณที่มากจนเกินไปก็จะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายดังนี้
1.นอนไม่หลับ
กาแฟมีสารคาเฟอีนที่สามารถก่อให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้ มีผลทำให้กระสับกระส่าย หัวใจเต้นเร็ว ซึ่งการนอนไม่หลับอาจจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาพักผ่อนไม่เพียงพอตามมาได้
2.ขัดขวางการดูดซึมแร่ธาตุ
คาเฟอีนมีความสามารถในการขัดขางการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิดที่สำคัญเช่น แคลเซียม สังกะสีและเหล็ก การดื่มกาแฟเยอะๆ นอกจากจะเสียเงินเพิ่มแล้ว ยังทำให้อาหารเสริมที่เรากินไปสูญเปล่าอีกด้วย
3.มีผลต่อกระดูก
แน่นอนว่าคาเฟอีนมีผลทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดลง การขาดแคลเซียมอาจจะมีความเสี่ยงทำให้มีโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุนได้
4.มีผลต่อความดันโลหิต
การดื่มกาแฟอาจจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้ เนื่องจากคาเฟอีนมีผลต่อการทำให้หลอดเลือดหดตัว ส่งผลทำให้การไหลเวียนของโลหิตทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
ปริมาณกาแฟที่ควรดื่ม
- คนทั่วไปสามารถบริโภค กาแฟ ได้ 200 มิลลิลิตร / ครั้ง หรือ 400 มิลลิลิตร / วัน
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรจะบริโภค กาแฟ ไม่เกิน 200 มิลลิกรัม/วัน
- ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนไม่ควรบริโภค กาแฟ เกิน 300 มิลลิลิตร / วัน และควรได้รับปริมาณแคลเซียมที่เพียงพอ
กาแฟมีตั้งหลายแบบหลายเมนู แต่ละแบบมันแตกต่างกันยังไงน้า?
1. เอสเพรสโซ (Espresso)
– คำว่า Espresso มาจากคำภาษาอิตาลี “espresso” แปลว่า เร่งด่วน
– จุดเริ่มต้นของเมนูกาแฟทุกอย่างล้วนมาจาก เอสเพรสโซ
– เอสเพรสโซ ชงแบบใช้แรงอัด ทำให้มีรสชาติกาแฟที่เข้มข้นและหนักแน่น
– มักจะเสิร์ฟเป็นช็อต (แก้วแบบจอก) เพื่อให้ปริมาณไม่มากจนเกินไป (ประมาณ 1-2 ออนซ์ หรือ 30-60 มิลลิลิตร แตกต่างตามพฤติกรรมการดื่ม ของแต่ละประเทศ)
– เมนู เอสเพรสโซ ในร้านส่วนใหญ่จะประกอบด้วย เอสเพรสโซร้อน และเอสเพรสโซเย็น ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีเมนูเอสเพรสโซเย็นในต่างประเทศ แต่ในประเทศไทย เอสเพรสโซเย็นมักนำเอสเพรสโซ 1-2 ช็อต มาผสมกับนมข้นหวาน และนมข้นจืด อาจใส่นมสดแทนในบางร้าน
2. อเมริกาโน หรือ คาเฟ่ อเมริกาโน (Café Americano)
– มีวิธีการชงโดยเติมน้ำร้อนผสมลงไปในเอสเพรสโซ
– อเมริกาโนเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟดำ แต่ไม่แก่ และหนักถึงขั้นเอสเพรสโซ
– ส่วนใหญ่นิยมดื่มอเมริกาโนโดยไม่ปรุงด้วยนมหรือน้ำตาล
3. ลาเต้ (Latte)
– เป็นภาษาอิตาลีแปลว่านม
– ในประเทศอิตาลี กาแฟลาเต้นี้รู้จักกันในชื่อของ “Caffè e latte” ซึ่งหมายถึง กาแฟกับนม
– เตรียมโดยการเทเอสเปรสโซ 1/3 ส่วน และนมร้อนอีก 2/3 ส่วน ลงในถ้วยพร้อมๆกัน และจะหยอดโฟมนมหนาประมาณ 1 ซม. ทับข้างบน
– ส่วน เมนู Ice latte หรือ ลาเต้เย็น ก็จะประกอบด้วย เอสเพรสโซ + นม ซึ่งสามารถแตกออกเป็นเมนูย่อยได้ จากการใส่ไซรัปหรือน้ำเชื่อมกลิ่นต่างๆ เช่น caramel latte , halzenut latte, vanilla latte เป็นต้น
– ลาเต้ร้อนสามารถสร้างสรรค์ผลงานให้กลายเป็นลาเต้อาร์ท (Latte art) หรือการใช้นมในการวาดลวดลายลงบนกาแฟให้เป็นรูปต่างๆได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น หัวใจ ดอกไม้ หรือแม้กระทั่งสัตว์ต่างๆ
4. คาปูชิโน (Cappuccino)
– ต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี
– การชงคาปูชิโนโดยส่วนใหญ่มักมีอัตราส่วนของเอสเปรสโซ 1/3 ส่วน ผสมกับนมสตีม (นมร้อนผ่านไอน้ำ) 1/3 ส่วน และนมตีเป็นโฟมละเอียด 1/3 ส่วนลอยอยู่ด้านบน
– เอกลักษณ์ของคาปูชิโน คือ การโรยหน้าด้วยผงซินนามอน บางครั้งอาจโรยด้วยผงโกโก้เล็กน้อยแทน
– คาปูชิโนเย็นให้ดูจากฟองนมที่โปะอยู่ข้างบน ถ้ามีฟองนมมากๆ นั่นแหละคาปูชิโน
5. มอคค่า (Cafe Mocha)
– คล้ายกับกาแฟลาเต้คือมีเอสเพรสโซ่ 1/3 ส่วนและนมร้อน 2/3 ส่วน แต่แตกต่างกันที่มอคค่าจะมีส่วนผสมของช็อคโกแลตด้วย
– ช็อคโกแลตมักจะใส่ในรูปของน้ำเชื่อมช็อคโกแลต
– มีทั้งแบบร้อนและแบบเย็นใส่น้ำแข็ง
– มักมีวิปครีมปิดหน้า
6. มัคคิอาโต้ (Macchiato)
– คำว่า “มัคคิอาโต้” ในภาษาอิตาเลียนแปลว่า “การทำเครื่องหมาย”
– “คาเฟ่มัคคิอาโต้” จะเป็นกาแฟเอสเพรสโซที่ปิดหน้าด้วยฟองนม หรือเทนมลงไปเล็กน้อยจนเห็นเป็นชั้นสวยงาม
– “ลาเต้มัคคิอาโต้” จะเป็นนมร้อนที่ถูกทำเครื่องหมายด้วยกาแฟเอสเพรสโซ
– “คาราเมลมัคคิอาโต้” (Caramel Macchiato) ซึ่งก็คือนมร้อนผสมคาราเมล แล้วทำเครื่องหมายสีน้ำตาลด้วยกาแฟเอสเพรสโซ
7. แฟลท ไวท์ (Flat White)
– คล้ายๆกับกาแฟลาเต้ คือ เป็นเอสเพรสโซผสมนมสตีม(นมร้อนผ่านไอน้ำ) แต่จะไม่ใส่ฟองนมที่ด้านบน
8. อัฟโฟกาโต (Affogato)
– ในภาษาอิตาลีแปลว่า “ถูกทำให้จม”
– เป็นของหวานชนิดหนึ่งที่มีกาแฟเป็นส่วนประกอบพื้นฐาน
– โดยทั่วไปทำได้โดยตักเจลาโตหรือไอศกรีมกลิ่นรสวานิลลา 1 ช้อนควักใส่ถ้วย แล้วราดเอสเพรสโซร้อนลงไป 1 ช็อต
เมนูกาแฟ เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มยอดนิยมที่หลายๆ คนขาดไม่ได้ แต่แน่นอนว่า กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ต้องควบคุมปริมาณการดื่มให้พอดี เพื่อทำให้ เมนูกาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ สุดท้ายนี้ถ้าหากใครรู้สึกสนใจหรือเป็นแฟนคลับกาแฟอยู่แล้ว ขอแนะนำให้ใส่ใจปริมาณการดื่ม กาแฟ มากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันความอันตรายหรือผลเสียมราจะเกิดขึ้นหากดื่มมากจนเกินไป
https://doodido.com
|