กระต่ายคันอาจเกิดจาก “ไร” อย่ามองข้ามเชียวนะ

สัตว์เลี้ยงอย่างกระต่ายถือเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสัตว์ที่น่ารัก แถมมีความเป็นสัตว์คุณหนู และราคาบางตัวก็เรียกได้ว่าแพงมาก ในประเทศไทยกระต่าย คือหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่ผู้คนมักเลี้ยง ไม่ว่าจะฐานะไหนก็สามารถเข้าถึงสัตว์ชนิดนี้ได้

แต่ด้วยกระต่ายคือสัตว์ที่ไม่สามารถอาบน้ำได้เหมือนสัตว์อื่นๆ เพราะขนของน้องนั้นค่อนข้างหนา ผิวหนังแห้งช้า เราจึงมักจะเห็นพฤติกรรมเวลาน้องรู้สึกคันเนื้อคันตัว ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เองเป็นเรื่องที่เราก็แอบอดห่วงไม่ได้ ซึ่งแน่นอนครับว่าพฤติกรรมเหล่านี้น่าห่วงมากจริงๆ

เพราะส่วนใหญ่อาการคันเหล่านี้อาจไม่ได้มาจากตัวของน้อง แต่อาจมาจากการสะสมของความชื้น และเป็นที่อยู่ของเห็บ หมัด ไร ซึ่งส่วนใหญ่ ไร เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่าอยู่คู่กับกระต่ายมานานแสนนาน และหากคุณปล่อยไว้ไม่ดูแลให้ดี ไรเหล่านี้ก็อาจจะทำร้ายผิวหนังของน้องได้เลย และวันนี้ Petsayhi จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับไรให้มากขึ้นว่ามีไรอะไรบ้าง และไรเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรกับ กระต่ายคันอาจเกิดจาก “ไร” อย่ามองข้ามเชียวนะ

1. ไรหู (Ear mites)

ไรหูเกิดจากปรสิตที่มีชื่อว่า Psorptes cuniculi ไรชนิดนี้เป็นไรที่มักจะอาศัยอยู่บริเวณหู แน่นอนว่าสิ่งที่มันทำได้คือการเกาะและดูดเลือดผ่านทางผิวหนัง จากนั้นกระต่ายของเราก็จะคัน ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวกว่าทั้งหมดที่ผมได้พูดไป คือเรื่องของเชื้อโรคที่ติดมาจากเขี้ยวของไรเหล่านี้ที่จะฝังไปในผิวหนัง และเกิดการแพร่พันธุ์บริเวณใบหู ทำให้กระต่ายของเราจะรู้สึกคันอย่างมาก บางตัวเกาจนเป็นแผล แต่ที่น่ากลัว คือไรหูนี้สามารถทำให้บริเวณใบหูของกระต่ายเป็นสะเก็ดและเปื่อยได้เลย นอกจากนี้หากเราสังเกตให้ดี ช่วงหูของน้องนี้เองเป็นช่วงที่มีเส้นเลือกและเส้นประสาทมากมาย ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อกระต่ายเกาบ่อยๆ เข้าก็จะทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาท และระบบประสาท เช่นการเดินหัวเอง ตัวเอียง และทรงตัวไม่ได้ ฉะนั้นหากผู้เลี้ยงสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกของน้อง ให้รีบพาไปตรวจเช็กทันทีเลยครับ เพื่อไม่ให้น้องต้องมีอันตราย

2. ไรขน (Fur mites)

ไรขนเป็นไรที่ไม่ค่อยเกิดอันตรายมากเท่าไหร่แต่ก็สร้างความรำคาญต่อทั้งตัวผู้เลี้ยงและตัวกระต่ายได้ไม่น้อยเลย ไรชนิดนี้จะอยู่บริเวณกลางตัว กลางหลังของกระต่าย ซึ่งแน่นอนว่าน้องเกาไม่ได้ ลักษณะของไรเหล่านี้จะเป็นจุดเล็กๆ จำนวนมากอยู่บริเวณผิวหนัง และตามขน ทำให้ผู้เลี้ยงจะต้องคอยหมั่นสังเกตอยู่บ่อยๆ ว่ามีไรอยู่บนตัวน้องหรือไม่ ในข้อเสียของไรขนก็ยังมีข้อดีที่หาไม่ได้เหมือนใครคือผู้เลี้ยงสามารถปัดไรเหล่านี้ออกได้ด้วยตัวเอง เพราะอยู่ด้านนอกที่เราสามารถดูแลได้ แต่อย่างไรก็ตาม ไรขนก็สร้างความรำคาญให้ผู้เลี้ยงได้ เพราะไรเหล่านี้หากได้เข้าบ้านแล้ว บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่ดูแลยากมาก เพราะไรขน ขยายพันธุ์เร็ว และชอบเข้าไปอยู่ในที่แคบ มืด และอับชื้น และแน่นอนว่า เมื่อไรอยู่บนตัวของสัตว์เลี้ยงแล้ว ไรเหล่านี้ก็จะทำร้ายกระต่ายของคุณแบบที่คุณคิดไม่ถึงอย่างแน่นอน

3. ไรขี้เรื้อน (Sarcoptic mange)

ไรขี้เรื้อน เป็นสาเหตุของโรคสุดฮิตที่เกิดกับกระต่ายบ่อยที่สุดอย่าง โรคขี้เรื้อนแห้งในกระต่าย ซึ่งหากกระต่ายเหล่าโดนเจ้าไรที่มีชื่อว่า Notoedres cati และ Sarcopter scabei รับรองว่าคุณจะต้องคิดหนัก เพราะไรขี้เรื้อนหากเกิดแล้วจะสามารถลามได้ทั่วตัว โดยเริ่มจากใบหูจะเกิดสะเก็ดแปลกๆ คล้ายไรหู แต่ไรขี้เรื้อนจะลามไปที่บริเวณจมูก และปาก ทำให้เกิดสะเก็ดแข็งขนาดใหญ่ หรือที่เรามักจะเรียกกันว่าขี้เรื้อนนั่นแหละครับ นอกจากนี้ไรเหล่านี้ก็ยังกระจายตัวต่อไปได้ในช่วงขา และอุ้งเท้าของน้อง ทำให้น้องนั้นมีสะเก็ดเหล่านี้อยู่รอบบริเวณตัว

โรคเหล่านี้รักษา หรือป้องกันได้หรือไม่?

จริงๆ แล้วไป ต่างๆ เหล่านี้เราสามารถดูแลได้หลายวิธี ไม่มีทางสายเกินแก้ครับ แต่หากเริ่มสังเกตอาการได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ขอแนะนำให้น้องไปพบสัตวแพทย์ในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้น้องการ หรือกลายเป็นแผลลุกลาม โดยวิธีที่นิยมมากที่สุดคือการใช้ยา Selemectin หยดเข้าผิวหนังประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ก็หายเป็นปกติแล้วครับ แต่ข้อสำคัญคือผู้เลี้ยงจะต้องนำน้องมาตั้งแต่สังเกตอาการได้ว่าอาจเกิดไรตามตัวน้อง หากช้ากว่านี้อาจจะได้แผลจากการเกาขึ้นมาอีกก็เป็นได้ หากไม่อยากให้เกิดไรวิธีที่ง่ายที่สุดคือการหวีขน แปรงขน นอกจากจะลดความเสี่ยงในการเกิดไรได้แล้ว การหวีขน แปรงขนยังถือเป็นเรื่องของการดูแลสภาพขนของน้องให้นุ่มสวย และขนไม่หลุดร่วง

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ กระต่ายคันอาจเกิดจาก “ไร” อย่ามองข้ามเชียวนะ ที่ทาง Petsayhi ได้นำมาฝากทุกท่านในวันนี้บอกเลยครับว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมาก ถึงแม้ว่าตัวโรคจะไม่ได้อันตรายใดๆ แต่หากเกิดกับเรา และต้องรู้สึกคันตลอดเวลา เป็นเราเองก็คงทนไม่ได้เช่นกันครับ และหากใครชอบบทความสัตว์เลี้ยงแบบนี้ และไม่อยากพลาดเนื้อหาสาระเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงใหม่ๆ ก่อนใคร ก็อย่าลืมติดตาม Petsayhi เพื่อที่คุณจะได้ไม่พลาดเนื้อหาข่าวสารสาระดีๆ ก่อนใคร

ขอบคุณรูปภาพจาก : petsayhai.com
ขอบคุณแหล่งที่มา : petsayhai.com

ติดตามข่าวสาร ได้ที่  : mydeedees.com